วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อานุภาพเหรียญหลวงปู่สด รุ่นปราบมาร

    
อานุภาพเหรียญหลวงปู่ รุ่นปราบมาร
เด็กน้อยหลงป่า กลับมาได้ด้วยเหรียญปราบมาร
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
 
ทันตแพทย์หญิงวิไล สุริยาแสงเพ็ชร์
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ
 
        ลูก...ทันตแพทย์หญิงวิไล สุริยาแสงเพ็ชร์ เป็นภรรยาเจ้าของคลินิกศิริลักษณ์ทันตแพทย์ และเจ้าของเว็บไซต์ ชื่อ คุณหมออารมณ์ดีดอทคอม เจ้าค่ะ ซึ่งเว็บไซต์นี้ได้สอนถึงวิธีการแปรงฟันอย่างถูกวิธีค่ะ แต่วันนี้ลูกไม่ได้มาสอนการแปรงฟันหรอกนะคะ แต่จะมาเล่าเรื่องอานุภาพเหรียญหลวงปู่ที่เกิดขึ้นกับน้องเอิร์ท ลูกชายสุดที่รักค่ะ
 
 
เขาแดง เขาลูกนี้แหละค่ะที่พวกเราไปผจญภัยกันมา
 
        ย้อนไปราวแปดปีที่แล้ว ครอบครัวของลูกและญาติๆได้ไปเที่ยวปีนเขากัน ณ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เราพากันปีนไปยังจุดสูงที่สุดของเขาแดงซึ่งเป็นยอดเขาหนึ่งของอุทยานแห่งนี้ แต่หลวงพ่อคะ...ลูกไม่อยากใช้คำว่าปีนเลยค่ะ อยากเปลี่ยนเป็นคำว่า ตะกาย มากกว่า เพราะหนทางที่ขึ้นไปนั้น ชันและสูงจากพื้นมากถึง 400-เมตรตลอดทางขึ้นมีแต่หินแหลมๆคมๆก้อนใหญ่ๆ ที่ดูเหมือนจงใจมาขวางทางขึ้นของเราขนาดหนัก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ ทำให้ลื่นสุดๆ ซึ่งตอนขึ้นเขานี้นับว่ายากสุดขีดแล้ว แต่ตอนลงน่ะสิคะ...เสียวไส้สุดๆ ถ้าไม่ระวังให้ดีก็ต้องตกเขาแน่นอน หนำซ้ำทางลงยังแคบเล็ก จนเราต้องลงเรียงเดี่ยวทีละคน
 
 
จุดสูงสุดของเขาแดง ที่มองลงไปทั้งชันทั้งน่ากลัวมาก แต่วิวสวยสุดๆค่ะ
 
        แต่พอพวกเราลงมาจนถึงพื้นราบแล้ว เราก็เจอสิ่งที่ไม่คาดคิดค่ะ คือ น้องเอิร์ท ลูกชายวัยแปดขวบของลูกหายสาบสูญไปค่ะ แม้เราจะตะโกนร้องเรียกกันระงมขนาดไหน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเลย ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องระดมเจ้าหน้าที่อุทยานทำการค้นหาทุกจุดรอบเขาแดง ซึ่งพยายามหากันอยู่นานถึงสามชั่วโมงแบบไม่ได้หยุดหย่อน แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอค่ะ เว้นไว้แต่อีกฟากหนึ่งของเขาที่เราไม่ได้หา เพราะเป็นเขตพื้นที่อันตรายที่ไม่มีใครเคยลงมาได้เลย ขนาดเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญในการเดินป่า ขึ้นเขาลงเขา อยู่มานานเป็นสิบๆปี ยังไม่กล้าใช้เส้นทางนั้น เพราะชันและอันตรายกว่าอีกด้านหนึ่งที่ลูกลงมามาก หนำซ้ำยังมีแต่ต้นกระบองเพชร ต้นสลัดได แถมยังมีสัตว์ร้าย เช่น ตะขาบ และงูพิษ อยู่เต็มไปหมด
 
 
 
นี่คือ เส้นทางลงเขาแดง ซึ่งเป็นเส้นที่ปลอดภัยที่สุด แต่ก็ชันมากค่ะ
 
        ช่วงนั้น ลูกได้แต่ตกใจ กระวนกระวาย แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำตามหลักวิชชาที่หลวงพ่อสอนไว้ คือ รวบรวมสติทั้งหมด แล้วนั่งสมาธิ(Meditation) ขอบารมีพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ หลวงพ่อ คุณยายอาจารย์ ให้ช่วยน้องเอิร์ทให้กลับมาได้อย่างปลอดภัย เพราะน้องเอิร์ทต้องเผชิญกับความกลัวอันโหดร้ายที่สุด มองไปทางไหนก็ไม่เห็นใคร อีกทั้งยังไม่มีไม้กายสิทธิ์ ผ้าคลุมล่องหน เหมือนในหนังเรื่องแฮรี่พอตเตอร์
 
 
 
น้องเอิร์ท เด็กน้อยวัย 8 ขวบ ห้อยเหรียญหลวงปู่
(ภาพนี้ถ่ายที่ริมหาดสามร้อยยอด)
 
        แต่ในขณะนั้น น้องเอิร์ทเล่าว่า...สิ่งที่เป็นที่พึ่งเดียวที่น้องเอิร์ทนึกถึงมากที่สุดในเสี้ยววินาทีนั้น ก็คือ...นึกถึงเหรียญหลวงปู่ที่ห้อยอยู่ที่คอ ซึ่งน้องเอิร์ทได้บอกหลวงปู่ว่า “พระครับ...พระครับ ผมอยากกลับบ้านครับ”_หลังจากนั้น น้องเอิร์ทก็ใส่เกียร์ว่าง คือ ไม่ว่าเจอต้นไม้อะไรขวางอยู่ก็ลุยเลยค่ะ คือ ถ้าเหยียบอะไรได้ก็เหยียบลงไปเลย ไถลตัวลงมากับหิน ครูดกับหินลื่นๆ จนล้มลุกคลุกคลานอย่างไม่เป็นท่า บางทีก็ก้าวพลาดกลิ้งตกเขา เจอหนามต้นไม้ป่า หนามกระบองเพชร ตำหัวตำตัว เกี่ยวขา เกี่ยวเสื้อผ้าจนขาดวิ่นกะรุ่งกะริ่งไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ตัวก็ถลอกปอกเปิกเต็มไปหมด พอมารู้ตัวอีกที ลุกขึ้นมาได้ก็มาถึงพื้นที่ที่มีหนองน้ำกว้างประมาณ 100-เมตรอยู่ข้างหน้า จากนั้น จึงตัดสินใจลุยโคลนตะกายข้ามมาอีกฟาก แล้วปีนขึ้นขอบถนน เห็นเป็นรอยเท้าที่เลอะเปรอะไปด้วยขี้เลนแฉะๆ
 
        เดชะบุญ...จากรอยเท้านี้เองค่ะ ทำให้เจ้าหน้าที่มาเห็น แล้วแกะรอยตะโกนเรียก จนรับน้องเอิร์ท กลับมาได้ และทันทีที่ลูกกับน้องเอิร์ทเจอกัน เราต่างโผเข้ากอดกันอย่างดีใจ แต่สภาพของน้องเอิร์ทตอนนั้น...มันย่ำแย่เต็มทีค่ะ จากเดิมที่แต่งชุดเก่งสุดหล่อปานเจ้าชายน้อยที่สมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้แปลงร่างเป็นยิ่งกว่าหมูน้อยคลุกฝุ่นอีกค่ะ คือ เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เนื้อตัวเละเทะ มอมแมม ผิวหนังมีแต่รอยขีดข่วน มีหนามกระบองเพชรปักอยู่ที่หัว รองเท้าเหลือข้างเดียว ท่าทางเปลี้ย หมดสภาพ ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้จนไม่มีน้ำตา
 
 
 
คุณบุญยก สามเกลียว
 
        จากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนถึงกับตกตะลึง โดยเฉพาะ คุณบุญยก สามเกลียว ผู้หาตัวน้องเอิร์ทเจอ เพราะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า น้องเอิร์ทลงมาจากเขาทางด้านนี้ได้อย่างไร เพราะด้านนี้ไม่มีทางขึ้นลง ผู้ลงมาได้ก็อาจจะไถลตกเขากระแทกต้นไม้หรือหินจนเสียชีวิต หรือไม่ก็โดนสัตว์ป่าทำร้าย หรือเจอตะขาบและงูเงี้ยวเขี้ยวขอ แต่นี่น้องเอิร์ทกลับไม่เจอสิ่งเหล่านี้เลย อีกทั้งยังอัศจรรย์มากที่น้องเอิร์ทยอมตัดสินใจว่ายตะกายข้ามหนองน้ำนั้นมา เพราะหากไม่ตัดสินใจอย่างนี้ คงไม่มีใครเจอเขาได้ เนื่องจากตรงตีนเขาแดงไม่มีใครอยู่เลย อีกทั้งไม่ว่าจะตะโกนให้ดังขนาดไหนก็ไม่มีใครได้ยิน แต่สุดท้ายน้องเอิร์ทก็รอด...เดินตุปัดตุเป๋ จนเจ้าหน้าที่มาเจอได้อย่างอัศจรรย์
 
 
 
น้องเอิร์ท ตอนนี้โตเป็นหนุ่ม อายุ 16 ปี ขอกลับไปพิชิตเขาแดงอีกครั้ง
 
        หลวงพ่อค่ะ...เซอร์เอดมันด์ ฮิลลารี เป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ แต่น้องเอิร์ทเป็นคนแรกที่กลิ้งถลาลงเขาแดงโดยที่ไม่บาดเจ็บสาหัสและไม่ตาย ที่โลกต้องจารึกไว้ค่ะ อานุภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ...สุดยอดจริงๆเจ้าค่ะ ทำให้ลูกและทุกคนในครอบครัวตระหนักและเชื่อมั่นสูงสุด และทำบุญบูชาธรรมอย่างสุดกำลังมาโดยตลอด และลูกอยากบอกทุกคนว่า วันที่ 10-ตุลาคมนี้ อย่าพลาดมาทำบุญกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯเด็ดขาดนะคะ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คนนับหมื่นตื่นตะลึงปาฏิหาริย์

ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดๆ ที่มีอยู่ในโลกขณะนี้ มักมีอะไรที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือเรื่องราว ปฏิหาริย์ต่างๆ ขององค์พระศาสดา หรือ แม้ของบรรดาเหล่าสาวกผู้มีคุณธรรมพิเศษ ที่แสดงให้มหาชน จำนวนมากได้เห็นพร้อมๆ กัน ซึ่งมักได้รับการบันทึกไว้เป็นคัมภีร์ตำรับตำรา หรือ กระทั่งจดจำบอกเล่า สืบต่อๆ กันมา และเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง สำหรับศาสนิกชนครั้งกระโน้น สมัยเมื่อการศึกษา วิทยาการแขนง ต่างๆ ยังไม่ก้าวหน้าแพร่หลาย เมื่อมีความเชื่อมั่นคง ย่อมเต็มใจปฏิบัติตามคำสอน ของศาสนาโดยง่าย
มายุคปัจจุบัน ยุควิทยาศาสตร์เฟื่องฟู เทคโนโลยีก้าวหน้า การศึกษา กว้างขวาง เน้นไปใน เรื่องการพิสูจน์ได้ทางรูปธรรมเป็นสำคัญ ไม่นิยมศึกษาทางนามธรรมเท่าที่ควร โดยเฉพาะด้านพลังงาน ของจิตใจ ความอัศจรรย์และปาฏิหาริย์เป็นเรื่องงานของจิตใจ เมื่อไม่ศึกษา ย่อมไม่มีความรู้ เมื่อไม่มี ความรู้ ย่อมปฏิบัติไม่ได้ จึงคัดค้านว่า ปาฏิหาริย์ต่างๆ เป็นเรื่องไม่จริง แต่งกันขึ้นมาเอง ในที่สุด ความเชื่อก็เสื่อมคลายลง จนกระทั่งหลักธรรมคำสอนในศาสนาก็พาให้ไม่เชื่อมั่นเต็มเปี่ยมตามไปด้วย การปฏิบัติตนของศาสนิกชนทั้งโลกจึงย่อหย่อนตามไปด้วยเช่นกัน
พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเรา ก็ตกอยู่ในสภาพนี้ คนที่ศึกษาเล่าเรียนทางโลกมามาก พากันปล่อยปละละเลย เพิกเฉย ในเรื่องศาสนา คนที่เกิดตามมารุ่นหลัง เริ่มไม่แน่ใจ เกิดความลังเล ความศรัทธาเชื่อมั่นไม่เต็มที่ จำเป็นต้องมีผู้สืบสานงานต่อเนื่อง เรียกศรัทธามหาชน ที่มีต่อ พระพุทธศาสนา ให้กลับคืนมา
นับเป็นความโชคดีอันวิเศษสุดของพระพุทธศาสนา ที่พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) แม้จะมรณภาพไปนานถึง ๓๙ ปีแล้ว เมื่อทราบว่าศิษยานุศิษย์จำนวนมาก ช่วยสืบสานงานฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั้ง ปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรม ท่านจึงมาให้กำลังใจ ด้วยการ ปรากฏภาพของท่านที่ดวงตะวันในท้องฟ้า ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ประจักษ์แก่สายตา อนุโมทนาต่องานบุญของเหล่าศิษย์นับหมื่นๆ คน ในวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑
ทุกคนต่างพากันปีติปลื้มใจ น้ำตาไหลตื้นตัน ในของขวัญพิเศษ ที่ผู้พบเห็นด้วยตนเอง ทุกคนย่อมไม่มีวันลืม และย่อมเพิ่มพูนศรัทธา ให้หนักแน่นมั่นคงในพระพุทธศาสนา โดยไม่มีวันเสื่อม ถอยไปตลอดกาล ดังตัวอย่างผู้มีโชคดีหลายท่านดังนี้
รศ.เสาวลักษณ์ เปี่ยมปิติ สถาบันประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันนั้น พาเพื่อนมาวัดพระธรรมกายได้เห็นเหตุการณ์พร้อมๆ กัน พระอาทิตย์ที่เห็นเวลานั้น เหมือนภาพวาดบนท้องฟ้า เป็นวงกลมนิ่ง มีสีฟ้าน้ำทะเล เหลือบสีเขียว เห็นชัดเจนและดูได้สบายตา อีกสักครู่เปลี่ยนเป็นวงกลม ที่ขยับเคลื่อนไหวได้อย่างช้าๆ มีสีขาวนวลและ มีแสงสว่าง ผสมผสานกัน ดูนุ่มนวล ต่อจากนั้นแสงเริ่มสว่างจัดขึ้น และมีสีเหลืองอร่ามของจีวรหลวงพ่อวัดปากน้ำ ค่อยๆ ขยายขึ้นจนเต็มองค์ มีดวงใสนวลตา ซ้อนอยู่กลางกายท่าน ทุกอย่างเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่เรื่องฟังมาจากคนอื่น เป็นประสบการณ์จริงของเราเอง
คุณเสถียร ประเสริฐ ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ (ข้าราชการระดับซี ๙)
ได้ยินเสียงคนจำนวนมากอุทานค่อนข้างดัง ลูกก็บอกให้ดูที่พระอาทิตย์ ผมเห็นดวงอาทิตย์ สว่าง แต่ไม่แสบตา ลอยอยู่กลางท้อง หลวงพ่อสด เต็มองค์ท่านอยู่ในท่านั่งสมาธิ องค์ท่านใสมาก เป็นแก้ว เห็นเต็มองค์ชัด แล้วองค์ท่านก็ขยายหายไป พระอาทิตย์ยังลอยอยู่ที่เดิม แต่เปลี่ยนเป็น สีเขียวสว่างไสว มีวงแหวนสว่างล้อมรอบ มีรัศมีทั้งดวง สว่างไปทั่วท้องฟ้า ผมได้เห็นด้วยตาเนื้อ จริงๆ ของผม มิได้คิดไปเองหรือ เคลิ้มฝันแต่ประการใด
คุณลีลาวดี วัชโรบล นักแสดงและพิธีกร
หันไปทางด้านซ้ายมือ สาธุชนลุกขึ้นโบกธงส่งเสียงอื้ออึงไปหมด ดิฉันกับคุณแม่ก็งงว่าเกิด อะไรขึ้นจึงมองตามไป ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ยามบ่ายแก่ๆ มีดวงอาทิตย์อีกดวงขึ้นซ้อนทับอยู่ เป็นสีนวล มองด้วยตาเปล่าได้ มีรัศมีเป็นสีต่างๆ เป็นสีชมพู ฟ้า ม่วง สวยงามมาก ตอนนั้นคุณแม่ ร้องกรี๊ดขึ้นสุดเสียง ด้วยความปีติเต็มที่ ตัวดิฉันเอง อาการก็ไม่ยิ่งหย่อนกันเอง เมื่อหันกลับไปดู พระภิกษุที่นั่งบนสังฆรัตนะ ที่มหาธรรมกายเจดีย์ เปลี่ยนเป็นสีชมพูสด เป็นริ้วเป็นแถวอย่างไม่เชื่อ สายตา หันกลับขึ้นมองดูบนท้องฟ้า ก็เห็นสีทองคล้ายองค์หลวงพ่อสดเต็มท้องฟ้าอีก มองตาม ไปทั่วทั้งฟ้าเห็นเต็มไปหมด จนตื้นตันใจ ร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
คุณศศิอำไพ ปาลวัฒน์วิไชย ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ บริษัทแบงคอก ออดิโอ วิชั่น จำกัด
เห็นดวงอาทิตย์โผล่พ้นเมฆออกมาเป็นดวงกลมใสมาก ใสกว่าดวงแก้วธรรมดาอย่างไม่ต้อง เปรียบเทียบ ข้าพเจ้าแทบทำกล้องถ่ายภาพ หลุดจากมือ เพราะภาพที่เห็นคือ เหมือนมวลบรรยากาศ รอบดวงอาทิตย์ รวมตัวอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นหน้าตักใหญ่มหึมาและกายขององค์หลวงพ่อ พระ-มงคลเทพมุนี ก็พรึบขึ้นมาทั้งองค์ พระอาทิตย์อยู่ที่ศูนย์กลางกายของท่าน หลังจากนั้น ก็เปลี่ยนพรึบเป็นดวงแก้วอันใสซ้อนๆ กันมากมาย จำนวนมหาศาล ช่วงสุดท้ายพระอาทิตย์ เหมือนดวงแก้วมีความลึกเข้าไป มีพลังไหลรินเป็นเกร็ดแก้วออกมาตลอดเวลา ขอบของ ดวงแก้วใส จนไม่มีประมาณ พลันแสงนุ่มนวลเปลี่ยนเป็นสีทองฉาบไปทั่ว
ท่านเหล่านี้ล้วนเป็นคนมีตัวตนจริง ยังมีชีวิตอยู่ มีการศึกษาทางโลกดี มีหน้าที่ อาชีพ การงานเป็นหลักฐาน เป็นคนที่เชื่อถือได้ สามารถเป็น พยานยืนยันได้ทุกราย ถ้าท่านไปสอบถาม
ความจริงแล้ว การเล่าเรื่องปาฏิหาริย์ไม่ได้มีเจตนาให้ผู้ฟังเชื่ออย่างงมงายไร้เหตุผล เจตนาเพียงเพื่อให้เป็นเครื่องยืนยันว่า การเป็น พุทธศาสนิกชนที่ดี ต้องปฏิบัติตามคำสอน ของพระศาสดาจริง ทั้งปริยัติศึกษา ปฏิบัติศึกษา และให้ได้ปฏิเวธธรรมจริงๆ เหมือนที่ครูบาอาจารย์ ของเราทำได้ การรู้และตอบแทนพระคุณตามหลักศาสนา ต้องประกอบพร้อมด้วยอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา
อามิสบูชา เป็นการบูชาด้วยวัตถุสิ่งของ
ปฏิบัติบูชาเป็นการบูชาด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งสอน
เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานกว่า ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว ครูบาอาจารย์ยุคปัจจุบันของเรา คือ หลวงพ่อ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็มรณภาพไปถึง ๓๙ ปีแล้ว ต่างไม่สามารถรับสิ่งของบูชาของเรา ด้วยตัวท่านเองได้อีก
ดังนั้น อามิสบูชาของเรา ที่ทำได้ดีที่สุด คือ สร้างปูชนียสถานให้พุทธศาสนิกชน ตามระลึก นึกถึงพระคุณและปฏิบัติตาม คำสั่งสอนของท่าน ย่อมเป็นการจรรโลง พระพุทธศาสนา ให้ยืนยาว มั่นคงไปในตัว เมื่อพระพุทธศาสนามีอายุยืน ผู้คนย่อมมีโอกาสศึกษาหลักธรรม เป็นปฏิบัติบูชา ตามไปด้วย
จริงอยู่ แม้จะทราบกันดีว่า ปฏิบัติบูชามีค่ามากกว่าอามิสบูชา คนฉลาดแท้จริงจะไม่เลือกทำอย่างใด อย่างหนึ่งแน่นอน แต่จะทำพร้อมกันไป ทั้งสองอย่าง เหมือนเรารู้คุณพ่อแม่ เราก็ตอบแทนท่าน ทั้งให้ปันสิ่งของและทำตามคำสอนของท่าน การสร้างถาวรวัตถุ อันเป็นที่เคารพสักการะ ของเทวดาและมนุษย์ อย่างมหาธรรมกายเจดีย์
นอกจากเป็นพยานวัตถุให้คนรุ่นหลังมีโอกาสได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และคำสอนของพระองค์ แล้ว ยังเป็นการสร้างมหาทานบารมี ของผู้คน ที่ร่วมใจกันก่อสร้าง เป็นทั้งวัตถุทานและธรรมทาน ด้วยเหตุนี้ การที่พวกเราพร้อมใจกันสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ บูชา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์ทุกท่าน จึงเป็นเรื่องควรทำอย่างยิ่ง เป็นทั้งที่พึ่งทางใจและได้บุญมากมายนับ ไม่ถ้วนต่อไปเบื้องหน้า นับเวลาอีกเป็นพันๆ ปี ตราบใดที่มหาธรรมกายเจดีย์ยังอยู่ แม้เหลือเพียง ซากผุพัง แต่ยังมีคนกราบไหว้อยู่ เราก็ยังได้บุญเพิ่มอยู่เรื่อยๆ ตลอดไป






วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

ขอเชิญชวนผู้มีบุญทุกท่านร่วมงานวันมหาปูชนียจารย์

ตรงกับ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี

หลวงปู่วัดปากน้ำ

 

โดยเป็นวันคล้ายวันมรณภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
คุณยายทองสุก สำแดงปั้น 
ตรงกับวันคล้ายวันละสังขารของคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาทองสุก สำแดงปั้น ปฐมาจารย์สอนภาวนาให้กับคุณยายอาจารย์ของเรา
 คุณยาย
เป็นวันคล้ายวันสลายร่างของคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูงของเราด้วย

     มหาปูชนียาจารย์ทั้ง 3 ท่าน เปรียบเสมือนแสงสว่างส่องนำทางชีวิตให้กับลูกหลานทุกๆ คน เพราะท่านเป็นแบบอย่างในการสร้างบารมี ให้เราได้รู้จักหนทางแห่งการสร้างบารมีที่ถูกต้องดีงาม ให้ได้รู้เรื่องความเป็นจริงของชีวิต รู้เรื่องกฎแห่งกรรม จนทำให้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แล้วก็ดำเนินชีวิต ได้อย่างถูกต้องปลอดภัยในโลกใบนี้ เพราะทุกคนเกิดมาในโลกนี้ เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี แต่ท่านทำยิ่งไปกว่านั้นอีก คือ ท่านมุ่งขจัดต้นเหตุแห่งกิเลสอาสวะ จะปราบมาร รื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม และปฏิปทาในการสร้างบารมีของท่านเป็นแบบไร้ขีดจำกัด ไม่มีกำหนดเวลา หมายความว่า จะสร้างบารมียาวนานอีกกี่ภพกี่ชาติก็ไม่สำคัญ สำคัญว่าจะต้องไปให้ถึง ที่สุดแห่งธรรมให้ได้

     เพราะฉะนั้น ใจท่านจึงมุ่งไปที่เป้าหมายหลัก เพื่อที่จะขจัดต้นแหล่งของพญามาร นำพาสรรพสัตว์ ทั้งหลายเข้าสู่นิพพานให้หมด แม้ตัวท่านจะเข้านิพพานเป็นคนสุดท้ายท่านก็ยอม หัวใจที่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง น้ำใจที่สูงส่งของท่านนี้ เป็นสิ่งที่ตราตรึงอยู่ในใจของเราทุกคนเสมอมา

     ชีวิตของนักสร้างบารมีที่แท้จริง จะไม่มีคำว่าพักก่อน หรือพักผ่อน อย่าคิดว่าเราทำบุญมามากแล้วจะขอเสวยผลบุญก่อน หรือจะขอหยุดพักก่อน ความคิดอย่างนี้จะต้องไม่มีอยู่ในหัวใจของนักรบกองทัพธรรมไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของนักสร้างบารมีผู้มุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรมเลย เราต้องสร้างบารมีกันทุกวันทุกคืนอยู่ตลอดเวลา เราต้องทำความเข้าใจความจริงที่ว่า โลกใบนี้ไม่ใช่โลกแห่งการเสวยบุญหรือเสวยสุข แต่เป็นโลกแห่งการสร้างบารมี เมื่อมีบารมีมาก เราก็จะทำพระนิพพานให้แจ้งได้ มหาปูชนียจารย์ของเราท่านเกิดมาในโลกนี้ ท่านได้สร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลังอย่างอุกฤษฏ์ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เราทุกคนจึงควรนำมาเป็นตัวอย่างในการสร้างบารมี เพื่อมุ่งไปถึงที่สุดแห่งธรรมเถิด




วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

เหตุการณ์ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับคุณ kissy

       วันนี้ดิฉันมีเรื่องเล่าของคุณ kissy มาฝากค่ะ คุณ kissy พูดว่าได้รับความรู้สึกที่น่าภูมิใจที่สุดในชีวิตและรักหลวงปู่มากขึ้นเรื่องมีอยู่ว่า ที่บ้าน kissy มีที่ดินอยู่แปลงนึงที่ติดอยู่กับคนขี้โกง ที่มีอิทธิพลในแถวนั้นและมีนิสัยชอบกินที่ของคนข้าง ๆ คือ คนขี้โกงเค้าจะขายที่ดิน แล้วเค้าปลักหลักกินที่ดิน ของที่บ้าน kissy มา 1 ไร่พ่อกับแม่ ก็ไปบอกเค้า ว่าที่ดินตรงนี้เป็นของเรา เราซื้อมาถูกต้อง ตาม กฎหมายมีหลักฐานชัดเจน แต่คนขี้โกง เค้าคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้เค้าจะเอาที่ดินของเรา ยังไง ๆ เค้าก็บอกว่าที่ตรงนี้เป็นของเค้าถึงไม่ใช่ของเค้า เค้าก็จะเอาพ่อกับแม่ ก็ไม่รู้จะทำยังไง พ่อบอกแม่ว่า ถ้าเค้าจะเอาก็ให้เค้าไปเถอะ เราทำดีที่สุดแล้วขณะนั้น แม่ของ kissy ก็อธิฐานในใจ บอกหลวงปู่ว่า ที่ดิน ตรงนี้เราซื้อมา ไม่ได้ไปโกงใครแต่ถ้าเราเคยโกง เค้ามา วันนี้ ก็ขอใช้คืนให้เค้าคนขี้โกง เค้าก็เดินไป เดินมา มาพักนึง แล้วก็เงียบพ่อกับแม่ ของ kissy ก็งง เค้าเป็นอะไรสักพัก เค้าก็บอก ลูกน้องเค้าว่า ปลักหลักกินที่ ให้ถอยหลักกลับพ่อ กับ แม่ ของ kissy อึ้งนึกจะยอม ก็ยอมง่าย ๆ เลยการที่ ที่บ้าน ของ kissy ได้ที่ดินคืนในวันนี้เป็นเพราะหลวงปู่แท้ ๆ






วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

เหตุการณ์ปาฎิหาริย์ที่เกิดขึ้นภายในเครือญาติของดิฉัน

       เรื่องที่ดิฉันจะเล่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงภายในเครือญาติ  โดยดิฉันขออนุญาติไม่บอกว่าเกิดขึ้นกับใครเนื่องจากความปลอดภัยด้านชีวิตและทรัพท์สิน  คือดิฉันมีญาติอยู่คนหนึ่งซึ่งเขากำลังหาซื้อที่ดินพอดีว่าที่ดินแถวบ้านดิฉันกำลังประกาศขายพอดี ดิฉันจึงแนะนำเขาให้ซื้อที่นี้เนื่องจากมีธารน้ำไหลผ่านซึ่งเหมาะกับการเพาะปลูกประกอบกับติดกับถนน ซึ่งที่ดินผืนนี้มีราคาแพงประมาณ 1,300,000 บาทและเป็นที่ที่คนต้องการซื้อมาก แต่ญาติของดิฉันก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะมีที่ดินอีกที่ที่เขาสนใจกว่าก็คือที่แถวเขื่อนลำพระเพลิงที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งที่ตรงนั้นติดกับถนนสายหลักพอดีราคาก็พอ ๆ กัน ตอนแรกญาติของดิฉันจะตัดสินใจซื้อที่ที่นครราชสีมา แต่ดิฉันเห็นมีแต่คนมาดูที่ที่แถวบ้านซึ่งเขาให้ราคาสูงกว่าที่ตั้งประมาณ 1,600,000 บาท เจ้าของที่เขาตัดสินใจขายอีก 7 วันจะไปโอนเงินและทำสัญญาซื้อขาย แต่คืนนั้นเองญาติดิฉันฝันเห็นหลวงปู่มาเข้าฝันและบอกให้ซื้อที่ดินที่อยู่ที่แถวบ้านดิฉันซึ่งอยู่ที่เชียงใหม่แต่ท่านย้ำว่าให้ซื้อที่เชียงใหม่แล้วญาติดิฉันก็ถามท่านไปว่าแล้วที่ดินที่นครราชสีมาล่ะเจ้าค่ะหลวงปู่ ท่านตอบว่าไม่ต้องซื้อ พอตื่นจากฝันญาดิฉันก็รีบติดต่อเจ้าของที่ที่อยู่เชียงใหม่เพื่อขอซื้อแต่เป็นที่น่าประหลาดใจคือเจ้าของที่เขาขายให้ ซึ่งเขาบอกว่ามีคนมาซื้อที่แล้วราคาก็สูงกว่าที่เสนอให้ญาติ แต่เขาบอกว่าอยากขายให้ญาติดิฉันไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันเขาบอกว่าเหมือนมีอะไรมาดลใจเขาให้ขายที่ผืนนี้ให้ญาติดิฉัน และที่น่าแปลกคือเมื่อปีที่แล้วข่าวน้ำท่วมทีจังหวัดนครราชสีมา  ที่ดินที่ว่าจะซื้อถูกน้ำท่วมทั้งหมด  ซึ่งมันน่าอัศจรรย์มากที่ญาติของดิฉันไม่ตัดสินใจซื้อที่ดินพื้นนั้น





วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อานุภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่จากประเทศฝรั่งเศส

    

     เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากกัลยาณมิตรสายหยุด ลัตท์ และ คุณอัลเฟรด ลัตท์  ดิฉันชื่อ สายหยุด ลัตท์ อายุ 41 ปี สามีของดิฉันชื่อ อัลเฟรด ลัตท์ สามีชาวฝรั่งเศส อายุ 40 ปีดิฉันมาวัดพุทธสตราสบูร์กตั้งแต่ ปี 46 จึงได้เข้าโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันทางไกล
    เวลานั่งสมาธิ แต่ก่อนนั่งได้ 15-20 นาทีก็ปวดขาแล้ว แต่ตั้งแต่วันครูธรรมกายปีนี้ ดิฉันเริ่มนั่งได้นานขึ้น พอวางใจสบายๆ ไม่คิดอะไรสักพัก ก็จะรู้สึกตัวเบาลอย เหมือนไม่มีแขน ไม่มีขา มีความสุข โล่งโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
    วันหนึ่งดิฉันนั่งแบบอยากเห็นดวงแก้ว แต่อยากเท่าไรก็ไม่เห็น  พอได้ยินเสียงพระอาจารย์บอกว่า ให้ทำใจสบายๆ ไม่คิดอะไร ดิฉันจึงเปลี่ยนวิธี นั่งเฉยๆ เอาสบาย ไม่คิดอะไร  แล้วก็นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อที่บอกให้นึกจุดตัดเท่ากับปลายเข็มตรงกลางท้อง วางใจตรงนั้น ผ่านไปสักพัก ดิฉันก็เห็นแสงสีขาวเย็นๆ ขึ้นมาจากกลางกาย แล้วก็เห็นดวงขาวใส ผุดซ้อนขึ้นมา จากดวงเล็กๆ ก็ซูมเข้ามาใหญ่ขึ้นเท่าตัว แล้วก็มีดวงใหม่เกิดขึ้นมา เป็นอย่างนี้จนออกจากสมาธิ น้ำตาของดิฉันไหลออกมา โอ...นี่เราเห็นแค่ดวง ก็สุขมากขนาดนี้แล้วหรือนี่
    ดิฉันสอน อัลเฟรดให้นั่งสมาธิด้วย เขาเห็นใบหน้าของพระเดชพระคุณหลวงปู่ที่กลางท้อง เขามีความสุข เบา สบาย ตลอดเลยค่ะ
    ดิฉันรักพระเดชพระคุณหลวงปู่มาก เห่อหลวงปู่สุดๆ หนังสือเล่มไหนมีรูปท่าน ก็จะรีบตัดมาใส่กรอบมาไว้ที่สูงๆในบ้าน จะนั่งนอนยืนเดิน หายใจเข้าออก ก็จะเห็นภาพหลวงปู่ติดตา ที่บ้านของดิฉันก็มีรูปท่าน ในรถก็มี ตัวเองก็ห้อยพระหลวงปู่ ขนาดนอนก็ยังฝันเห็นหลวงปู่  ดิฉันมีอานุภาพหลวงปู่ที่พบกับตัวเอง ซึ่งทั้งอึ้ง ทึ่ง มหัศจรรย์ มาเล่าให้ฟังค่ะ... 


    ในวันจันทร์ (คริสต์มาส) ที่ 25 ธ.ค. 49 เพื่อนกัลยาณมิตรของดิฉันคนหนึ่งซึ่งอยู่เยอรมัน ได้นิมนต์พระอาจารย์ไปทำบุญที่บ้าน ดิฉันและสามีจึงได้ขับรถข้ามประเทศไปร่วมด้วย ปกติก่อนขับรถดิฉันจะอาราธนาหลวงปู่ให้คุ้มครอง และพอถึงจุดหมายก็จะไหว้ขอบพระคุณหลวงปู่ที่คุ้มครอง วันนั้นทั้งดิฉันและสามี มีเหรียญหลวงปู่ติดตัวคนละเหรียญ 
    ขากลับเป็นเวลากลางคืน ดิฉันก็เป็นผู้ขับรถกลับฝรั่งเศส โดย อัลเฟรด นั่งข้างๆ ซึ่งเส้นทางนี้เป็นถนนของเยอรมัน ดิฉันไม่คุ้นเคย แถมเป็นภูเขา ต้องขึ้นลงตลอด ตอนนั้นดวงตะวันก็ตกดินไปแล้ว ที่สำคัญหมอกลงจัดมาก ทำให้มองเห็นทางข้างหน้าเพียงแค่ 20 เมตร ดิฉันจึงต้องให้สามีคอยมองป้ายบอกทางที่เลี้ยวไปฝรั่งเศส  ตอนนั้นดิฉันขับที่ 110 กม/ช.ม ซึ่งถูกตามกฏทุกประการ  โดยดิฉันขับเลนขวาสุด (ซึ่งเป็นเลนที่ช้าที่สุด) ดิฉันหันไปทางขวามือ เห็นเป็นเหวตลอดทาง  จนดิฉันวิ่งมาถึงป้ายบอกว่าจะมีทางแยกเลี้ยวเข้าฝรั่งเศสอีก 1 กิโลเมตร ดิฉันก็เริ่มจับเวลาเตรียมหาทางแยกนั้น แปลกมากค่ะ ดิฉันขับเลยจากป้ายนั้นประมาณ 15-20 นาทีก็แล้ว จึงเริ่มสังหรณ์ใจ จังหวะนั้นเอง ดิฉันก็ต้องตกใจมาก เพราะในระยะ 20 เมตรที่เห็นข้างหน้า เป็นกำแพงกั้นขนาดใหญ่กั้นด้านหน้า เสี้ยววินาทีที่ต้องตัดสินใจ ระหว่างจะพุ่งชนกำแพง หรือจะหักหลบขวา เพื่อลงเหว ตอนนั้นดิฉันตัดสินใจหักพวงมาลัยหลบขวา เพราะกลัวกำแพง
    ตอนนั้นอัลเฟรด ร้องเสียงหลงดังลั่น ดิฉันก็ตกใจก็ร้องกรี๊ดตามไปด้วย ความรู้สึกมันเหมือนเรา Shock ไปเลย คิดว่าเราตายแน่ๆ แล้วความรู้สึกของดิฉันก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อดฉันได้ยินเสียงอัลเฟรดค่ะ อัลเฟรด พูดออกมาเป็นภาษาไทย ว่า “ขอบคุณครับหลวงปู่ ขอบคุณที่ช่วยผมครับ ขอบคุณมากๆครับ” พร้อมกับพนมมือท่วมหัว ส่วนตัวดิฉันกำลังหาย Shock มือไม้ยังสั่นอยู่ งงว่าเรากำลังอยู่ที่ไหน เรารอดตายจริงๆหรือนี่


    สักครู่ดิฉันก็ได้ยินเสียงแตรรถด้านหลัง กำลังบีบแตรไล่ดังลั่น ดิฉันถึงเห็นว่ารถของดิฉันกำลังหยุดนิ่งอยู่บนถนนสายหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าสู่ฝรั่งเศส  แถมอยู่ใน Lane ที่ถูกต้อง พอลูกตั้งสติได้ก็ค่อยๆ เอามือสั่นๆ ใส่เกียร์ประคองรถ วิ่งต่อได้โดยรถไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน    
    ความรู้สึกตอนนั้น สุดจะบรรยายเลยค่ะ เหมือนมีใครมา ยกรถเรามา แถมเอามาวางไว้ตรงทางแยกกลับฝรั่งเศสพอดิบพอดี ทั้งที่เราขับเลยมาไกลมากแล้ว เรางงคันเดียวไม่พอ รถที่บีบแตรไล่เราก็งงด้วย เพราะเขาก็ขับของเขามาดีๆ แล้วทำไมอยู่ๆรถของดิฉันก็มาจอดอยู่ข้างหน้าเขา บางคันก็ขับมาใกล้ๆดิฉัน แล้วเปิดกระจกส่องมาดูดิฉันด้วย ตอนนั้นทั้งดิฉันและ อัลเฟรด ต่างคนต่างไม่พูดอะไร อยู่ภาวะ After shock นั่งตะลึงกันมาตลอดทางจนถึงบ้านโดยปลอดภัย  
    อีก 3 วัน ถัดมา เมื่อวันพฤหัส 28 ธ.ค. 49 ดิฉันก็ขับรถเก๋งคันเดิม ไปวัดพุทธสตราสบูรส์ มีอัลเฟรดเป็นคนนั่ง โดยลูกวิ่งอยู่เลนขวาสุด วิ่ง 110 กม/ชม เท่าเดิม พอถึงจุดเกิดเหตุ นาทีระทึกใจก็มาถึง เพราะดิฉันเห็นมาแต่ไกลว่ามีรถบรรทุก ซึ่งมีขนาดใหญ่ และยาวขนาดรถบรรทุกเมืองไทย 3 คันต่อกัน เป็นรถพ่วง คนขับจอดทำธุระอยู่ตรงไหล่ทางด้านขวา ตอนนั้นลูกคิดว่าเรามาทางเอก มั่นใจว่าอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่นั่นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ดิฉันคิด เพราะคนขับรถบรรทุกเขาก็มั่นใจของเขาว่า ดิฉันเป็นรถเก๋งคงจะหยุดให้เค้า
    คนขับรถบรรทุกตัดสินใจเปิดไฟขอทางแล้วหักหัว ออกตัวมาจากไหล่ทางขึ้นมาบน Lane ของดิฉันทันที ดิฉันตกใจมาก เพราะ รถ Lane หนึ่งจะมีความกว้างพอเหมาะกับรถเพียง 1 คันเท่านั้น ถ้าดิฉันเบี่ยงไปทางซ้ายก็จะชนกับรถที่จะวิ่งขนานมา  ถ้าเบรก รถต้องตีลังกาหรือถูกคันหลังซึ่งกำลังตามมาชน ดิฉันจึงตัดสินใจขับตรงอย่างเดียวไปเลย ไม่หักไม่ทำอะไรทั้งสิ้น  ตอนนั้นรถบรรทุกนั้นขึ้นมาครึ่ง Lane แล้ว รถของดิฉันฝั่งอัลเฟรด (คนนั่ง) จึงต้องเป็นจุดที่รถบรรทุกพุ่งเข้าปะทะแน่ๆ
    เราทั้ง 2 Shock จนหยุดหายใจ คิดว่าตูมแน่ อยู่ๆแทนที่จะได้ยินเสียงตูม ดิฉันกลับได้ยินเสียงเป่าปากของอัลเฟรด พร้อมเสียงถอนหายใจ แล้วอัลเฟรดก็ตะโกนว่า “เราข้ามมาแล้วๆ” ดิฉันก็ “อ้าว เรารอดมาได้ไง เราข้ามมาได้ไง” รถไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เหมือนกับข้ามไปอีกมิติ  รถบรรทุกนั้นยังเปิดไฟกะพริบตามหลังรถดิฉันที่ทะลุมา ซึ่งดิฉันก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นห่วง ถามว่า “ทะลุไปได้ไง” หรือด่าตามหลังกันแน่  
    อัลเฟรด มองไปที่รูปหลวงปู่ แล้วยกมือไหว้ท่วมหัวบอกว่า “หลวงปู่ช่วยเราอีกแล้ว ต่อไปผมจะไม่หยุดทำความดี สิ่งไหนเป็นความดี จะทำเพื่อหลวงปู่” ลูกก็นึกถึงหลวงปู่ทันทีบอกว่า “ขอบคุณค่ะหลวงปู่” ลูกขอบคุณอย่างสุดหัวใจ สิ่งนี้ถ้าไม่เจอกับตัวก็ยากที่จะเชื่อ หลวงปู่ติดตามคุ้มครองเราไปทุกที่ ลูกจะไม่ท้อถอยในการสร้างบารมี และทำหน้าที่กัลยาณมิตรอย่างเต็มที่ตลอดไปเจ้าค่ะ

อานุภาพของหลวงปู่สด

    มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับอานุภาพของหลวงปู่ซึ่งผู้ที่ไปวัดพระธรรมกายจะรู้เรื่องเกี่ยวกับอานุภาพของหลวงปู่ ดิฉันจะขอเอาประสบการณ์จากสิ่งที่ดิฉันประสบหรือได้ยินมา มาบอกเล่าเพื่อเป็นกัลยาณมิตรที่ดีในการชักชวนผู้ใจบุญเข้าวัด ขอทุกท่านจงอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้าด้วย บางครั้งการพูดหรือเขียนอาจไม่สามารถทำให้คุณเชื่อได้ แต่คุณจงลองไปสัมผัสด้วยตนเองแล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งที่ดิฉันเขียนนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะค่ะ วันนี้ดิฉันมีเรื่องจริงเกี่ยวกับอานุภาพของหลวงปู่มาให้ท่านได้รับชมอีกหนึ่งเรื่อง